Fast reading skill

ทักษะการ 'อ่านเร็ว' 

John F Kennedy และ Jimmy Carter อดีตประธานาธิบดีของอเมริกา ต่างเห็นความสำคัญ ของการอ่านเร็วจนถึงขั้นส่งลูกน้อง ไปฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเร็ว

เวลาคุณ 'อ่าน' อย่ารู้เพียงอ่านหนังสือจบแต่ควรรู้ในทักษะการอ่าน "อ่านเร็ว" เพื่อจะผสมผสานความรู้จากหลายๆแหล่ง ทำไมต้องอ่านเร็ว?

เพราะการอ่านได้เร็วฝึกให้เราเป็นคนเก่ง ไม่เครียด ไม่จับจด ทำงานแล้วเสร็จ และแก้ปัญหาได้ทันท่วงที จากการสำรวจพบว่าคนโดยทั่วไปอ่านด้วยความเร็ว 125-250 คำต่อนาที
แต่ถ้าฝึกอ่านเร็วได้ เราสามารถจะอ่านถึง 400-5000 คำต่อนาที

การอ่านเร็วทำได้ง่ายๆ อย่างตั้งใจดังนี้

1.อ่านแบบเลือกอ่าน

ให้สังเกตคำนาม หรือคำกิริยา เท่านั้น โดยละคำที่ทำหน้าที่ทางไวยกรณ์ เช่น articles (a,an, the) หรือคำบุพบท (in, on, at) รวมถึงส่วนขยายที่ซ้ำกับคำหลัก เช่น

"Reading the great books takes a lot of effort.Studying masterpieces such as the Odyssey or the works of shakespears requires more concentration
than picking up a Tom Clancy novel.But,the pay offs can be tremendous" (Jamie,2009)

 2. อ่านโดยไม่อ่าน

ทั้งการอ่านออกเสียง และการอ่านในใจล้วนแต่ทำให้เสียเวลาค่ะ เพราะการอ่านไวนั้น คือ "การแปลในใจ" หรือ ถอดความออกมาเลย แล้วนึกภาพให้ออกว่าสิ่งที่อ่านเป็นอย่างไร โดยในการมองเป็นประโยคแทนที่จะมองเป็นคำ

ทราบหรือไม่ว่า การออกเสียงจะเป็นตัวทำลายมโนภาพในสมอง และนี่คือสาเหตุที่ทำให้อ่านเป็น นกแก้วนกขุนทอง แล้วไม่เข้าใจ หรือจำได้แบบสั้นๆ ลองฝึกจากตัวอย่างนี้

"These 'books' are the 'means' of 'understanding' out society and 'our-selves'.They 'contain' the 'great ideas' that 'dominates' us without our knowing it. There is 'no' comparable 'repository' in our 'tradition'."

คำแปลที่ได้จากการอ่านเร็ว

 หนังสือเล่มนี้เป็รวิธีการเข้าใจสังคมและตัวเราเอง ประกอบด้วยความคิดดีๆ ที่มีผลต่อเราโดยไม่มีผู้รู้ (repository) คนไหนที่เทียบเทียมได้


3. ใช้เครืองมือช่วยในการอ่านไว

สามารถฝึกการอ่านไวโดยการใช้ นิ้วกวาด ตัวหนังสือไปทีละบรรทัด หรือใช้ไม้บรรทัด ปากกาปิดบรรทัดที่ยังไม่ได้อ่านแล้วเลื่อนลงมาเรื่อยๆ จะเพิ่มสมาธิ และความเร็วในการอ่านได้ค่ะ

The man who does not read good books has no advantage over the man who can't read them. Mark Twain
'คนที่ไม่ได้อ่านหนังสือดีๆ ไม่ได้ต่างอะไรจากคนที่อ่านหนังสือไม่ออก'


ที่มา: English of Course 'ครูฮ้วง' คอลัมน์จาก นสพ. ผู้จัดการ