สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ

Wednesday, January 27, 2010
คุณแม่ท่านหนึ่งยกมือถามผม ระหว่างการฟังบรรยายเรื่องการส่งเสริมความฉลาดทางอารมณ์ ว่าเธอมีลูกที่ก้าวร้าว อารมณ์รุนแรง ทั้งที่เธอไม่ได้สั่งสอนหรือทำตัวแบบนั้นเลย  สาเหตุมันมาจากไหน และเธอควรทำอย่างไร ผมเริ่มตอบด้วยการถามเธอว่า  ลูกคนนี้เป็นลูกที่ดีหรือไม่  เธอตอบว่าไม่ใช่เลย
       ในแนวทางของการมองโลกด้านบวกเพื่อแก้ไปสู่การเปลี่ยนแปลง แก้ไขปัญหานั้น  จะต้องเริ่มด้วยการมองสิ่งต่างๆ ในด้านบวก หมายความว่ามีความดีปะปนอยู่  มีประโยชน์หรืออาจเป็นบทเรียนแก่ตัวเราได้  พูดง่ายๆก็คือ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นและเป็นอยู่ในตอนนี้ควรมีสิ่งดีๆ  ซ่อนอยู่เสมอ  มุมมองเช่นนี้หรอกจึงทำให้เราผ่อนคลายจิตใจให้เป็นกลางมากขึ้นและมีสติปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาได้
  
       ถ้าคุณแม่ท่านนี้เริ่มต้นมองหาความดี "เล็กๆ" ของลูก เช่น ช่วยงานบ้านได้บ้าง หรืออาจเป็นเพื่อนแก้เหงา ความดีเล็กๆ นี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้ท่าทีต่อเด็กนั้นดีขึ้น นุ่มนวลขึ้น ก่อนจะนำไปสู่การแก้ไขนิสัยที่ไม่ดีที่มีอยู่เหล่านั้น
                                      
      สถาปนิกคนหนึ่งตกงาน เพราะความคิดมาก วิตกกังวลในหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานจนลาออก คิดว่าใครๆ ก็บีบให้เขาลาออก  แต่ความที่ยังมีเพื่อนอยู่หลายคน เพื่อนคนหนึ่งก็เลยชวนให้ไปช่วยงานก่อสร้างที่ไซต์งานแห่งหนึ่ง แรกๆ ก็ไม่ชอบ รู้สึกว่าเป็นงานต่ำต้อยไม่สมกับความสามารถ หนักๆ เข้าก็ระแวงว่า ช่างไฟแกล้งมาทดสอบความรู้ก็มี นี่เป็นการมองโลกและคนอื่นในแง่ร้าย ซึ่งหลังจากได้ปรับเปลี่ยนเปลี่ยนแล้วเขาก็ดูดีขึ้น สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้

      วิธีการก็ไม่ยากเย็นมากนัก เพียงฝึกคิดหลากหลายแง่มุมในเหตุการณ์ที่ตนคิดว่ามันไม่ดี  ล่าสุดมีบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งเรียกตัวเขาเข้าไปสัมภาษณ์  เขาลังเลเล็กน้อย  บอกว่ากังวล  ไม่แน่ใจว่าหากเขาออกจากงานนี้ไป  เพื่อนจะลำบากไหม จะมีใครดูแลงานแทนเขาหรือเปล่า  เขามองเห็นว่างานที่เขาทำอยู่นี้แม้ว่าจะไม่ใหญ่โตอะไร  แต่ก็ได้เรียนรู้การดูแลหน้าที่การงานซึ่งสถาปนิกอย่างเขาไม่ค่อยได้ทำอย่างนี้ ที่แล้วมาได้แต่ทำงานออกแบบเป็นหลักเท่านั้น

     นี่เป็นคุณสมบัติที่ดี  นั่นก็คือ...ถ้าทำงานอะไรอยู่ก็ต้องหาข้อดีของงานนั้นได้  คล้ายกับสิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว (ก็คืองานที่กำลังทำอยู่) นั้นย่อมมีดีเสมอ

     อย่างไรก็ตาม  เขาก็คงต้องทดลองสัมภาษณ์งานดูก่อนว่าผลจะมีอย่างไร  รวมทั้งอาจถามเพื่อนว่า  หากเขาไปทำงานอื่นเต็มตัว เพื่อนจะมีความเห็นอย่างไร (ความจริงเพื่อนคนนี้ได้ให้งานที่ง่ายมากแก่เขา  ทำนองว่าจะให้เพื่อนมีายได้มากกว่าการหวังผลงานอย่างจริงจัง)

     การเห็นข้อดีของงานที่ทำอยู่ทำให้เกิดความสุขในการทำงานและผลงานก็ออกมาดี  แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการไต่เต้า ค้นหาความก้าวหน้าแต่อย่างไร
     เช่นเดียวกัน กรณีของคุณแม่ การมองเห็นความดีของลูก ไม่ได้หมายความว่าจะเอาอกเอาใจ หรือมองไม่เห็นด้านที่เป็นลบเลย แต่เป็นการมองอย่างที่เห็นจริงๆ  ทั้งบวกทั้งลบ  เมื่อมองอย่างนี้จึงจะสามารถแก้ไขด้านลบให้กลับคืนดีได้

     วัยรุ่นคนหนึ่งบ่นว่าพ่อแม่ของเธอไม่ได้มีน้ำใจและรักเธอมากเหมือนกับพ่อแม่ของเพื่อน  เหตุผลก็คือ เวลาเธอไปเรียนพิเศษนั้น พ่อแม่จะให้เธอกลับเอง แต่ของเพื่อนพ่อแม่จะมารับ  ซึ่งก็เป็นไปได้ที่พ่อแม่ของเธออาจไม่ประสากับการแสดงความห่วงใย  แต่ถ้าหากเปลี่ยนแปลงตอนนี้ไม่ได้  สิ่งนี้ (พ่อแม่) ก็ยังต้องดีอยู่

      เพราะพ่อแม่ของคนอื่น จะดีอย่างไรก็ไม่ใช่พ่อแม่ของเรา
      รถเก่าๆ ของเราก็ดีเสมอ  เพราะเป็นรถของเรา
      งานของเพื่อนอาจดูดี มีเงินเดือนสูง  แต่งานของเราก็ดีเสมอเพราะเป็นงานของเรา

      สุดท้ายแล้ว....คุณจะมีหน้าตา ฐานะอย่างไรก็เป็นสิ่งดีเสมอ เพราะนี่คือตัวคุณ...มิใช่คนอื่น


ที่มา:หนังสือชื่อ สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ (นายแพทย์เทอดศักดิ์  เดชคง)

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

blogger visitor counter